วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

contrast ของโปรเจคเตอร์ (projector contrast)

     contrast  คือ ความแตกต่างของความสว่าง ระหว่างสว่างมากที่สุดและมืดที่สุด ยิ่งช่วงห่างนี้มากเท่าไหร่จะมี contrast สูงเท่านั้น
แถบด้านบนคือโปรเจคเตอร์ที่มีค่า contrast สูงกว่า นั่นคือมีระดับ(step)ของสีจากขาวไปสู่ดำที่มากกว่า
      แล้วค่า contrast สำคัญอย่างไรต่อโปรเจคเตอร์ ?
     สำหรับโปรเจคเตอร์ (projector) ที่ไม่ได้ใช้ดูหนังค่าความสว่างจะมีความสำคัญมากที่สุดและ contrast สำคัญรองลงมา แต่โปรเจคเตอร์ที่ใช้ชมภาพยนตร์นั้นต่างกันสิ้นเชิงเนื่องจาก ค่า contrast เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์สำหรับชมภาพยนร์

     เนื่องจาก contrast เป็นค่าที่สามารถเทียบกันได้เลยในโปรเจคเตอร์แต่ละรุ่น โปรเจคเตอร์ที่มี contrast สูงกว่าจะแสดงภาพมีความลึก-ตื้นมากกว่า และแสดงรายละเอียดเช่น ภาพที่มีเงาได้ดีกว่า หรือ แสดงภาพแบบ 3 มิติได้ดีกว่า  อย่างไรก็ดีคุณภาพของภาพที่ได้จากโปรเจคเตอร์ยังขึ้นกับแสงไฟในห้องด้วย ยกตัวอย่างในโรงภาพยนตร์จะมี่ความมืดมากเพื่อลดแสงที่จะไปรบกวนทำให้ภาพที่มีความดำมืดกลายเป็นสีเทาๆแทนเป็นต้น
  

ความสว่างของโปรเจคเตอร์ (projector brightness)

     ความสว่างของโปรเจคเตอร์ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย
1.ความสว่างของหลอดภาพโปรเจคเตอร์
2.ความสามารถในการสะท้อนแสงกลับของฉาก
3.ปริมาณแสงสว่างในห้องที่ติดตั้งโปรเจคเตอร์

     โดยปกติมี 2 วิธีในการวัดแสงจากโปรเจคเตอร์ คือ 1.วัดค่า lumen เป็นการวัดพลังงานแสงที่ผลิตจากเครื่องโปรเจคเตอร์โดยตรง 2.วัดค่า foot-Lambart(fL) เป็นการวัดแสงทางอ้อมโดยวัดจากแสงที่สะท้อนฉากกลับมาสู่ผู้ชมซึ่งวัดได้ยากกว่า ในการชมภาพยนตร์จากโปรเจคเตอร์ภายในห้องปิด การวัดแสงแบบที่สองจะเป็นวิธีที่ดีกว่า แต่เนื่องจากค่า fL นี้ขึ้นกับฉากที่แสดงภาพด้วย ดังนั้นผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ทุกยี่ห้อจึงไม่สามารถกำหนดค่านี้มากับเครื่องได้

     ดังนั้นโดยทั่วไปจึงนิยมใช้หน่วยความสว่างของโปรเจคเตอร์เป็น lumen หรือเรียกเต็มๆว่า ANSI lumen โปรเจคเตอร์ที่มีค่า ANSI lumen สูงกว่าจะมีความสว่างที่มากกว่า แต่ค่าความสว่างที่มากขึ้นก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาของโปรเจคเตอร์สูงตามไปด้วย
ความสว่างของโปรเจคเตอร์ (projector brightness)

     แล้วความสว่างเท่าไหร่ที่เหมาะสม?
     ให้จำไว้เสมอว่าการชมภาพยนตร์โดยเครื่องโปรเจคเตอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้โปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างมากที่สุดในการชมภาพยนตร์ที่บ้าน แต่เป็นเครื่องที่สามารถให้ภาพที่เมื่อสะท้อนฉากแล้วให้สีที่สวยงาม และไม่สว่างจนปวดตา

     แต่หากคุณใช้โปรเจคเตอร์เพื่อใช้ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมมากๆ หรือฉายภาพในห้องที่มีขนาดใหญ่ หรือ มีแสงสว่างในห้องมาก ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องความสว่างเป็นปัจจัยหลักโดย

    ค่าความสว่างที่แนะนำคราวๆ คือ ห้องขนาดเล็กและมีแสงสว่างน้อยใช้ความสว่างประมาณ 1500-2000 ANSI lumen ห้องขนาดกลางที่มีแสงสว่างปานกลางใช้ความสว่าง 2000-3000 ANSI lumen และหากเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่เช่นงานแต่งงานควรใช้โปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างประมาณ 3000-5000 AMSI lumen

     สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ คือ ไม่ว่าคุณจะเลือกความสว่างของโปรเจคเตอร์เท่าไหร่ก็ตาม แต่ต้องจำไว้ว่าหลอดภาพนั้นมีอายุการใช้งานและเมื่อใช้งานไปนานๆความสว่างที่ได้ก็จะลดลงไปด้วย ดังนั้นคุณควรจะมีหลอดภาพสำรองไว้เสมอหากต้องการให้ภาพสวย สดใสอยู่ตลอดเวลา

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

ความละเอียดของภาพจากโปรเจคเตอร์ (projector resolution)

     ความละเอียดของภาพที่ฉายจากโปรเจคเตอร์(projector) มีหน่วยเป็น pixel ยิ่งจำนวน pixel มาก ภาพจะยิ่งมีความละเอียดสูง ความละเอียดของภาพโปรเจคเตอร์มักจะอยู่ในรูปของเลข 2 ชุด เล่น "1280x720" ตัวแรกแสดงจำนวน pixel ในแนวนอนแต่ละแถว ตัวหลังแสดงจำนวน pixel ของแต่ละแถวในแนวตั้ง  เวลาโฆษณาขายโปรเจคเตอร์มักพบตัวเลข "720p" หรือ "1080p" นั้นหมายถึงตัวเลขชุดหลัง คือ ความละเอียดของโปรเจคเตอร์ในแนวตั้งนั่นเอง ตัว p หมายถึง progressive scan หรือ การแสดงภาพทั้งหมดในเวลาเดียว

     โปรเจตเตอร์รุ่นที่มีความละเอียดสูงจะมีราคาสูงขึ้น แต่มีข้อดีคือ ภาพละเอียดคมชัด และลดความแตกต่างของแต่ละ pixelได้มากซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการในการชมภาพยนตร์ด้วยโปรเจคเตอร์ คือ จอภาพใหญ่และคมชัด

ภาพจากโปรเจคเตอร์ความละเอียดสูง จำนวน pixel จะมากกว่า
ภาพจากโปรเจคเตอร์ความละเอียดต่ำ (low resolution projector)
ความละเอียดของโปรเจคเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ในท้องตลาด

     1280x720 โปรเจคเตอร์รุ่นนี้เป็นที่นิยมในอดีต เป็นรุ่นที่เหมาะมาในการชมภาพยนตร์จาก DVD ได้ดี และจาก 1080i HDTV ได้ดีพอสมควรราคาตกอยู่ประมาณ 20,000 กว่าบาท ฉะนั้นหากคุณต้องการโปรเจคเตอร์ราคาไม่แพง และไม่ต้องการความละเอียดที่สูง โปรเจคเตอร์รุ่นนี้ก็เหมาะกับคุณมากๆ

     1280x768 โปรเจคเตอร์รุ่นนี้สามารถแสดงภาพแบบ 16:9 คือเหมาะต่อการเล่น widescreen Dvd, blu-ray อย่างไรก็ดีจะพบแถบดำเล็กๆที่ขอบจอเนื่องจากอัตราส่วนของเครื่องเป็น 15:9 ที่สำคัญความละเอียดแบบนี้เป็นค่ามาตราฐานของจอคอมพิวเตอร์ดังนั้นใครที่ต้องการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือ ทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยก็ควรใช้โปรเจคเตอร์รุ่นนี้

     1920x1080 โปรเจคเตอร์รุ่นนี้ คือ รุ่นที่ลงท้ายด้วย 1080i หรือ 1080p ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความละเอียดภาพสูงที่สุด สามารถแสดงภาพจาก 1080i HDTV และ 1080i & 1080p blu-ray ได้อย่างคมชัด ราคาของโปรเจคเตอร์ รุ่นนี้อย่างต่ำสุดอยู่ที่ 30,000 บาท แต่เป็นโปรเจคเตอร์ที่ชมภาพยนตร์ได้ดีที่สุด หากคุณต้องการภาพที่คมชัดรองรับเครื่องเล่นราคาแพงคุณควรเลือกซื้อโปรเจคเตอร์รุ่นนี้
projector resolution table
      สรุปน่ะครับ โปรเจคเตอร์ 1280x720 และ 1920x1080 เหมาะสำหรับชมภาพยนตร์ ขึ้นอยู่กับต้องการความคมชัดมากแค่ไหน  โปรเจคเตอร์ 1280x768 เหมาะกับผู้ที่ใช้ดูหนังด้วย และทำงานเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หวังว่าคุณจะได้ความรู้ในการเลือกโปรเจคเตอร์เพิ่มเติมน่ะครับ

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

การเลือกอัตราส่วนภาพ (projector aspect ratio) ของโปรเจคเตอร์

     อัตราส่วนของภาพ คือ อัตราส่วนความกว้างของภาพต่อความสูงของภาพ โทรทัศน์ทั่วไปจะมีอัตราส่วน 4:3 หรือ 1.33:1 โรงภาพยนตร์เป็น 2.35:1 จอ widescreen, HDTV และ bluray เป็น 1.78:1(16:9) การเลือกโปรเจคเตอร์ขึ้นกับว่าคุณต้องการโปรเจคเตอร์มาเล่นกับเครื่องชนิดไหน
อัตราส่วนภาพของโปรเจคเตอร์

      คงพอรู้จักกับอัตราส่วนของภาพมาพอสมควร คราวนี้มาดูปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกันครับ โดยปกติเครื่องโปรเจคเตอร์ หรือ โทรทัศน์ มักมีอัตราส่วนภาพอยู่ที่ 4:3 หรือ 16:9 แต่หนังหรือภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนภาพที่หลากหลายแตกต่างกันไป ฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องเข้าใจไว้ คือ ไม่ว่าคุณจะซื้อโปรเจคเตอร์ที่มีอัตราส่วนภาพเท่าไหร่ก็ตามจะไม่พอดีกับอัตราส่วนภาพของหนังหรือภาพยนตร์ทุกเรื่องที่คุณชม
เปรียบเทียบภาพโปรเจคเตอร์ 4:3 , 16:9 และ ภาพจากโรงภาพยนตร์

     จากรูปจะเห็นว่าถ้าซื้อโปรเจคเตอร์ไม่ตรงกับอัตราส่วนของภาพยนตร์ที่เล่นจะได้ภาพไม่สมบูรณ์

     ดังนั้นทางแก้ไขที่เป็นที่นิยมมากสำหรับคอภาพยนตร์คือการเลือกซื้อ โปรเจคเตอร์ที่อัตราส่วนภาพ 16:9 เนื่องจากภาพยนตร์หรือหนังใหม่ๆมักจะทำภาพอัตราส่วนสำหรับ HDTV, widescreen DVD, blu-ray เป็นอัตราส่วน 16:9   แต่สำหรับคนที่ชอบชมภาพยนตร์เก่าๆที่เป็น DVD ลงไปหรือถ้าคุณชอบชมซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ ควรใช้โปรเจคเตอร์อัตราส่วนภาพ 4:3 ครับ นอกจากนี้ blu-ray รุ่นใหม่ๆจะเป็นอัตราส่วน 2.4:1 ซึ่งน่าจะเป็นอัตราส่วนที่ใช้มากสำหรับโปรเจคเตอร์ในอนาคต สุดท้ายขอฝากไว้ว่าการเลือกโปรเจคเตอร์ที่เหมาะสมยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายแต่อย่าลืมถึงราคาและความพอใจของคุณเป็นสำคัญ หวังว่าคงเลือกตรงใจน่ะครับ สวัสดีครับ

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

การเลือกโปรเจคเตอร์เพื่อดูหนัง ดูภาพยนตร์ ภายในบ้าน

     โปรเจคเตอร์ (projector) ในท้องตลาดมีหลากหลายรุ่น หลายราคาให้เราได้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป แล้วเราจะเลือกโปรเจคเตอร์ดูหนังที่เหมาะกับเราได้อย่าง?
จะเลือกโปรเจคเตอร์อะไรดีน้า?
      ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าโปรเจคเตอร์ คือ เครื่องฉายสัญญานภาพวีดิโอลงบนฉาก โดยเกิดจากการสร้างแสงสีและผ่านเลนส์ต่างๆมาเป็นภาพบนฉาก ซึ่งเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางทั้งในการนำเสนอทางธุรกิจ การประชุม ห้องเรียน อบรมสัมมนา หรือใช้เพื่อความบันเทิง เช่น การชมภาพยนตร์
  
     ในส่วนของราคาของโปรเจคเตอร์จะขึ้นกับความละเอียด และ ความสว่างของภาพ ความละเอียดของภาพที่ได้จากโปรเจคเตอร์โดยทั่วไปมี 3 แบบ คือ SVGA (800x600), XGA (1024x768), และ 720p (1280x720) ความละเอียดจะเหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่อาจจะไม่เท่ากับความละเอียดของภาพยนตร์ยุคใหม่ๆ  สำหรับเรื่องของความสว่างหากฉายภาพในห้องที่แสงสว่างตามธรรมชาติน้อย โปรเจคเตอร์ความสว่าง 1000-1500 lumen ก็เพียงพอต่อความต้องการ หากแสงสว่างตามธรรมชาติมากขึ้นก็อาจใช้ความสว่าง 1500-3000 lumen แต่หากใช้ในการฉายภาพในห้องที่ขนาดใหญ่และฉายไปบนฉากขนาดใหญ่คงต้องเลือกโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่าง 3000 lumen ขึ้นไป

     สำหรับการแบ่งโปรเจคเตอร์เป็นประเภทต่างๆ แบ่งได้ตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตภาพดังนี้ 1.หลอดภาพโปรเจคเตอร์ CRT เป็นหลอดแคโทดสามสี แดง น้ำเงิน เขียว ดูแลน้อย อายุใช้งานนาน แต่ราคาแพงมาก เหมาะกับการติดตั้งจุดที่ไม่ต้องเคลื่อนย้ายเลย 2.LCD โปรเจคเตอร์ ราคาถูก ข้อเสียอย่างเดียวของ LCD คือ เห็นภาพเป็นจุดๆชัดเจน 3.DLP โปรเจคเตอร์ ให้ภาพเนียนแต่สีไม่สดเท่า LCD และจะเห็นภาพเป็นแถบๆถ้ามองแบบกวาดตา แต่ปัญหานี้จะไม่พบหากเป็นรุ่นที่ใช้ 3DMD ราคาสูงกว่า LCD เล็กน้อย    

     ที่กล่าวมาเป็นเพียงรายละเอียดคราวๆ ต่อไปคุณต้องระบุสเปคโปรเจคเตอร์ที่คุณต้องการ โดยลองตอบคำถามหลักๆ ต่อไปนี้ครับ
     1. อัตราส่วนภาพ(aspect ratio) ที่คุณต้องการเป็นเท่าไหร่?
     2. คุณต้องการความละเอียด(resolution) ของภาพมากแค่ไหน?
     3. คุณต้องการความสว่าง(brightness) ของภาพมากแค่ไหน?
     4. คุณต้องการ contrast ภาพมากน้อยแค่ไหน?
     5. มีงบประมาณเท่าไหร่ในการซื้อโปรเจคเตอร์?
     6. มีข้อจำกัดของขนาดห้องที่ติดตั้งเครื่องโปรเจคเตอร์หรือไม่?

     คุณสามารถค้นหาคำตอบทั้งหมดได้ใน www.projector-compare.blogspot.com
     หลังจากนั้นคุณจะเป็นผู้ที่สามารถเลือกโปรเจคเตอร์ที่ถูกใจและเหมาะสมได้อย่างแน่นอน