1.ความสว่างของหลอดภาพโปรเจคเตอร์
2.ความสามารถในการสะท้อนแสงกลับของฉาก
3.ปริมาณแสงสว่างในห้องที่ติดตั้งโปรเจคเตอร์
โดยปกติมี 2 วิธีในการวัดแสงจากโปรเจคเตอร์ คือ 1.วัดค่า lumen เป็นการวัดพลังงานแสงที่ผลิตจากเครื่องโปรเจคเตอร์โดยตรง 2.วัดค่า foot-Lambart(fL) เป็นการวัดแสงทางอ้อมโดยวัดจากแสงที่สะท้อนฉากกลับมาสู่ผู้ชมซึ่งวัดได้ยากกว่า ในการชมภาพยนตร์จากโปรเจคเตอร์ภายในห้องปิด การวัดแสงแบบที่สองจะเป็นวิธีที่ดีกว่า แต่เนื่องจากค่า fL นี้ขึ้นกับฉากที่แสดงภาพด้วย ดังนั้นผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ทุกยี่ห้อจึงไม่สามารถกำหนดค่านี้มากับเครื่องได้
ดังนั้นโดยทั่วไปจึงนิยมใช้หน่วยความสว่างของโปรเจคเตอร์เป็น lumen หรือเรียกเต็มๆว่า ANSI lumen โปรเจคเตอร์ที่มีค่า ANSI lumen สูงกว่าจะมีความสว่างที่มากกว่า แต่ค่าความสว่างที่มากขึ้นก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาของโปรเจคเตอร์สูงตามไปด้วย
ความสว่างของโปรเจคเตอร์ (projector brightness) |
ให้จำไว้เสมอว่าการชมภาพยนตร์โดยเครื่องโปรเจคเตอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้โปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างมากที่สุดในการชมภาพยนตร์ที่บ้าน แต่เป็นเครื่องที่สามารถให้ภาพที่เมื่อสะท้อนฉากแล้วให้สีที่สวยงาม และไม่สว่างจนปวดตา
แต่หากคุณใช้โปรเจคเตอร์เพื่อใช้ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมมากๆ หรือฉายภาพในห้องที่มีขนาดใหญ่ หรือ มีแสงสว่างในห้องมาก ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องความสว่างเป็นปัจจัยหลักโดย
ค่าความสว่างที่แนะนำคราวๆ คือ ห้องขนาดเล็กและมีแสงสว่างน้อยใช้ความสว่างประมาณ 1500-2000 ANSI lumen ห้องขนาดกลางที่มีแสงสว่างปานกลางใช้ความสว่าง 2000-3000 ANSI lumen และหากเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่เช่นงานแต่งงานควรใช้โปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างประมาณ 3000-5000 AMSI lumen
สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ คือ ไม่ว่าคุณจะเลือกความสว่างของโปรเจคเตอร์เท่าไหร่ก็ตาม แต่ต้องจำไว้ว่าหลอดภาพนั้นมีอายุการใช้งานและเมื่อใช้งานไปนานๆความสว่างที่ได้ก็จะลดลงไปด้วย ดังนั้นคุณควรจะมีหลอดภาพสำรองไว้เสมอหากต้องการให้ภาพสวย สดใสอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เสนอความเห็นเกี่ยวกับโปรเจคเตอร์ของคุณ